ยูโร 2024 กำลังเข้าสู่ความเข้มข้นยิ่งขึ้น ซึ่งตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่มจนถึงตอนนี้ ฝีมือการคุมทีมของโค้ชบางคนก็ทำให้ทีมที่ดูธรรมดาๆ มีความน่าสนใจขึ้นมา หรือแม้กระทั่งทีมยักษ์ใหญ่ที่โค้ชบางคนฝีมือเยี่ยม จนทำให้ทีมเล่นสมราคาชื่อชั้น ก็ควรค่าแก่การชื่นชม เหมือนกับ 3 กุนซือที่เรากำลังจะพูดถึงต่อไปนี้
ยูเลียน นาเกลมันน์ – เยอรมัน
การตัดสินใจของสมาคมฟุตบอลเยอรมันที่เปลี่ยนโค้ชก่อนเริ่มศึกลูกหนังยุโรป หรือ ยูโร 2024 ถือว่ากำลังมาถูกทาง เมื่อการแต่งตั้ง ยูเลียน นาเกลมันน์ กำลังทำให้ทัพอินทรีเหล็กมุ่งหน้าสู่ถ้วยแชมป์ยุโรปตามที่พวกเขาต้องการ
เยอรมัน ชนะ 2 เสมอ 1 ในรอบแบ่งกลุ่ม โดยประเดิมทัวร์นาเมนต์ด้วยการถล่ม สกอตแลนด์ 5-1 จากนั้นชนะ ฮังการี 2-0 และเสมอ สวิตเซอร์แลนด์ 1-1 ผ่านเข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่ม A ก่อนจะเอาชนะ เดนมาร์ก ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ซึ่งในเกมถัดไป พวกเขาจะต้องเจอของแข็งอย่าง สเปน แต่ด้วยฝีมือการคุมทีมของ นาเกลมันน์ ทำให้ในตอนนี้แฟนบอลชาวเยอรมันต่างมั่นใจว่า เขาจะพาทีมมุ่งสู่รอบต่อไป
อย่างไรก็ตามย้อนกลับไปเมื่อต้นปี นาเกลมันน์ พยายามทดลองระบบการเล่นที่เขาต้องการใช้กับทีมชาติ กระทั่งค้นพบสไตล์ที่เหมาะสมกับทีมชุดนี้ บวกกับการไว้วางใจผู้เล่นทำให้นักเตะของเขาทำผลงานได้ดี โดยเขาเลือกผู้เล่นที่อยู่ในฟอร์มที่ดี และใช้เวลาในการสร้างคนใหม่ ยิ่งไปกว่านั้นการดึง โทนี่ โครส ให้กลับมาเล่นทีมชาติอีกครั้งเป็นการทิ้งทวนอาชีพของเขาก็ต้องยกเครดิตให้กับ นาเกลมันน์ ที่หว่านล้อมจนดาวเตะ เรอัล มาดริด ตัดสินใจกลับมาช่วย อินทรีเหล็ก ใน ยูโร หนนี้

การมาของ โครส ทำให้แดนกลางของ เยอรมัน อัดแน่นไปด้วยคุณภาพ มีความเฉียบคม และสร้างอันตรายต่อคู่แข่งได้เสมอ นอกเหนือจากนี้การเลือกผู้เล่นอย่าง โจนาธาน ทาห์, ฟลอเรียน เวิร์ตซ์, จามาล มูเซียลา ต่างก็เป็นผู้เล่นที่ นาเกลส์มันน์ เรียกมาติดทีม และทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม
การเลือกทีมของเขาสำหรับยูโร 2024 ได้รับการต่อยอดจากสิ่งที่เขาได้เริ่มต้นเอาไว้ ตั้งแต่การสร้างระบบการเล่นที่ต้องเลือกผู้เล่นให้เหมาะสม นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไม เยอรมัน ภายใต้การคุมทีมของเขากำลังไปได้สวยในทัวร์นาเมนต์นี้
ราล์ฟ รังนิก – ออสเตรีย
หากพูดถึง ออสเตรีย แน่นอนว่า นี่คือชาติที่ทุกคนมองว่า พวกเขาจะจอดป้ายแค่รอบแบ่งกลุ่ม ไม่น่าไปได้ไกลเกินกว่านี้ แต่พวกเขากลับผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีม ยิ่งไปกว่านั้นยังผ่านเข้ารอบน็อกเอาท์ในฐานะแชมป์กลุ่ม ซึ่งเพื่อนร่วมกลุ่มของพวกเขามีทีมเต็งอย่าง ฝรั่งเศส รวมอยู่ด้วย
แน่นอนว่า เครดิตของผลงานนี้ต้องยกความดีความชอบให้กับ ราล์ฟ รังนิก อดีตกุนซือที่เคยล้มเหลวกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่พา ออสเตรีย สร้างปาฏิหาริย์ เกมแรกเขาพาทีมแพ้ ฝรั่งเศส 0-1 แต่กลับมาพลิกฟอร์มถล่ม โปแลนด์ 3-1 ปิดท้ายด้วยชนะ เนเธอร์แลนด์ 3-2 ทำให้ผ่านเข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่ม D ส่วน ฝรั่งเศส เข้ารอบเป็นอันดับ 2 ของกลุ่ม
แม้เป็นเรื่องน่าเสียดายที่เขาไม่อาจพาทีมเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย หลังจากแพ้ให้กับ ตุรเคีย 1-2 ในรอบ 8 ทีม แต่การเข้ามาถึงรอบนี้ก็นับเป็นความสำเร็จที่น่าจดจำ
หลุยส์ เด ลา ฟวนเต้ – สเปน
หลุยส์ เด ลา ฟวนเต้ กุนซือของทีมชาติสเปน สร้างผลงานชิ้นโบว์แดง เมื่อเขาทำให้ สเปน เป็นทีมเดียวที่คว้าชัย 3 เกมรวดในรอบแบ่งกลุ่่ม เก็บ 9 แต้มเต็ม ซึ่งยิงคู่แข่งไปมากถึง 5 ประตู และไม่โดนคู่แข่งยิ่งเลยสักประตูเดียว ส่วนในรอบ 16 ทีม เขาพาสเปนชนะ จอร์เจีย 4-1
ขุมกำลังที่เขาเลือกมาอย่าง เปดรี้, นิโก้ วิลเลียมส์ และ ลามีน ยามาล ถือเป็นขุมกำลังรุ่นใหม่ที่ เด ลา ฟวนเต้ ช่วยสร้างให้สเปนเป็นทีมที่แข็งแกร่ง จนถึงตอนนี้ สเปน ในมือของเขาถูกยกเป็นทีมเต็งแชมป์ยูโร หนนี้เป็นที่เรียบร้อย และสำหรับแฟนๆที่สนใจ ทีเด็ด SBOTOP และ ยูโร 2024 ทีเด็ดเดิมพัน รวมไปถึง ยูโร 2024 ผลการแข่งขัน สามารถติดตามข่าวได้ที่นี่
●●●
เข้าชมบล็อคของเราเพื่อดูข้อมูลต่างๆ และค่าอ๊อดส์ที่หลากหลายของฟุตบอล
อัพเดทข่าวสารทุกอย่างเกี่ยวกับกีฬาและการเดิมพัน