ลิเวอร์พูล 3-0 แมนเชสเตอร์ ซิตี้
และค่ำคืนภายใต้แสงไฟสนามก็มีไว้เพื่อเกมฟุตบอลแบบนี้นี่เอง!
นี่คือแชมเปียนส์ลีกที่บ้าระห่ำมากที่สุด และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็ไม่รู้เลยว่าพวกเขาเจออะไรกระหน่ำเข้าจังๆ
เป็นที่โต้เถียงกันอยู่ว่า พวกเขากู่ไม่กลับเสียแล้วตั้งแต่ช่วงขณะที่กองเชียร์เจ้าถิ่นที่เป็นอันธพาล คงจะต้องพูดว่าเป็นคนกลุ่มน้อย ขว้างปาสิ่งของใส่รถบัสของทีมเมื่อเดินทางมาถึงแอนฟีลด์
ไม่ว่าจะมองอย่างไร คำแนะนำในการเดิมพันก่อนหน้าแมทช์การแข่งขันว่าด้วยมหกรรมการถล่มประตูนั้น ก็ได้รับรู้เร็วกว่าที่คาดกันไว้ ในการออกสตาร์ทอย่างสายฟ้าแลบของทีมเจ้าบ้าน
ครึ่งแรกสุดระทึกใจเป็นช่วงเวลาที่ลูกทีมของ เจอร์เกน คล็อปป์ ทำให้ แมนฯ ซิตี้ ต้องซวนเซและขวัญผวา
การแลกหมัดของซิตี้ที่ค่อนข้างดีนั้นไม่ได้ส่งผลอะไรเลยภายใน 12 นาทีแรก ในขณะที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่ว่ากันว่าคู่ควรกับตำแหน่งผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปีมากกว่า เควิน เดอ บรอยน์ ซัดประตูที่ 38 ของฤดูกาลที่น่าเหลือเชื่อ
ถ้าเขาอยู่ในตำแหน่งล้ำหน้า เขาก็ไม่ได้อยู่ตรงนั้นเพื่อรีรอที่จะหาคำตอบเลย และแอนฟีลด์ก็อื้ออึงไปด้วยเสียงกึกก้อง
ความดีอกดีใจนั้นเปลี่ยนไปเป็นความปีติยินดีอย่างเหลือล้นภายในแปดนาที ในขณะที่ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ยิงประตูที่สวยที่สุดลูกหนึ่งที่อีกนานกว่าเขาจะทำได้อย่างนี้อีก ด้วยการสับไกยิงเต็มแรงจากระยะ 25 หลาโดยไม่มีอะไรหยุดได้
ความปีติยินดีอย่างเหลือล้นนั้นเปลี่ยนไปเป็นดินแดนแห่งความฝันเมื่อ ซาดิโอ มาเน่ โหม่งทำประตูที่สามได้เมื่อผ่านครึ่งชั่วโมงไปได้เล็กน้อย ทุกคนที่อยู่ในสนามอันโด่งดังแห่งนี้และผู้ชมหลายล้านคนที่ชมเกมนี้อยู่ ต่างก็แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง!
แม้จะครองบอลได้เกือบทั้งหมด ซิตี้ไม่อาจหาโอกาสสับไกยิงได้เข้าเป้าแม้แต่ครั้งเดียว และแม้ว่าจะต้องเสียซาลาห์ไปด้วยอาการบาดเจ็บ การจากไปของเขาก็ทำให้แฟนๆ ทีมเจ้าบ้านต้องเป็นกังวล ก็ไม่อาจเปลี่ยนความสมดุลของเกมได้เลย
ลูกที่ยิงเข้าไปของ กาเบรียล เฆซุส ที่ถูกตัดสินว่าเป็นลูกล้ำหน้าก่อนหมดเวลาห้านาที เป็นการจบค่ำคืนนี้ของซิตี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่การทบทวนภาพวิดีโอเผยให้เห็นว่า ลูกเบิกร่องของซาลาห์ก็ไม่น่าจะเป็นประตูด้วยเหตุผลเดียวกัน
เป็นโชคสำหรับลิเวอร์พูลแต่ผมอยากจะพูดว่า พวกเขาคู่ควรกับชัยชนะนัดนี้!
บาร์เซโลน่า 4-1 เอเอส โรม่า
เหตุการณ์ที่เมอร์ซีย์ไซด์นั้นต่างกันเป็นอย่างมากกับเหตุการณ์ในคัมป์นู ที่ซึ่ง ในขณะที่ก็มีเหตุการณ์บ้าระห่ำเช่นกัน กลับมีบรรยากาศของเหตุการณ์ที่สงบเงียบมากกว่า
ยามเย็นซึ่งเริ่มต้นด้วยคัมป์นูที่แสดงการให้เกียรติแก่นักเตะชั้นยอดของพวกเขาเอง ลิโอเนล เมสซี ที่ทำประตูในแชมเปียนส์ลีกได้เป็นลูกที่ 100 อันเป็นประวัติการณ์ จบลงด้วยยักษ์ใหญ่จากคาตาลันเหยียบขาข้างหนึ่งในรอบรองชนะเลิศไปแล้ว ที่ซึ่งพวกเขาไม่เคยเข้ามาถึงเลยนับตั้งแต่ปี 2015 เมื่อพวกเขาคว้าถ้วยใบนี้ไปครองได้ในที่สุด
ในขณะที่กองเชียร์ทีมเจ้าถิ่นเรียกร้องให้มีการปล่อยตัวนักโทษในขณะที่ความไม่สงบทางการเมืองในภูมิภาคนี้ยังคงดำเนินต่อไป กองเชียร์ทีมเยือนก็ต้องเสียใจกับการพลาดลงสนามของ รัดย่า นาอิงโกลัน กองกลางที่มีอาการบาดเจ็บ แต่แม้แต่นักเตะทีมชาติเบลเยียมเองก็คงจะต้องประสบกับความยากลำบากที่จะช่วยอะไรได้กับความไร้โชคของขุนพลจากอิตาลี
อิวาน ราคิติช ยิงชนเสาในช่วงแรกๆ แต่โรม่าก็ยังยันไว้ได้จนกระทั่ง ดานีเอเล เด รอสซี กัปตันทีม เปลี่ยนทางบอลผ่านผู้รักษาประตูของเขาเองเข้าประตูไปก่อนหมดครึ่งแรกเจ็ดนาที
สิบนาทีหลังจากที่เริ่มเล่นใหม่โชคก็ไม่เข้าข้างพวกเขาอีก เมื่อบอลไปโดน คอสตาส มาโนลาส แล้วก็เข้าไปตุงตาข่ายตัวเอง มันเป็นลูกทำเข้าประตูตัวเองลูกที่ห้าที่บาร์ซ่าได้มาในการแข่งขันรายการนี้ในฤดูกาลนี้
เคราร์โ ปิเก้ ช่วยให้เกมนี้และรอบนี้ปลอดภัยค่อนข้างแน่นอนก่อนเล่นครบชั่วโมงเล็กน้อย
การขยันทำงานของ เอดิน เชโก้ ช่วยให้โรม่ามีความหวังในช่วง 10 นาทีก่อนหมดเวล่ และก็เป็นอย่างนั้นจนกระทั่ง หลุยส์ ซัวเรซ ยิงประตูที่สี่เพิ่มก่อนหมดเวลาสามนาที
เป็นชัยชนะที่คู่ควรในค่ำคืนที่บาร์ซ่ามีโชคด้วยเช่นกัน แต่ก็จบเกมนี้ในฐานะผู้ชนะอย่างคู่ควรแล้ว
หากต้องการทราบข่าวกีฬา โปรโมชั่น และข้อแนะนำการเลือกเดิมพันล่าสุดจาก SBOBET เข้าร่วมกับเราทางโซเชียลกับบัญชีทางการของเราได้ทั้ง Twitter, Google+, YouTube และ Facebook แวะชมเว็บไซต์ SBOBET และสมัครเป็นสมาชิกกับเราได้เลย เริ่มวางเดิมพันได้แล้ววันนี้!
คลิกเพื่อรับทราบตัวเลือก การพนันฟุตบอล เพิ่มเติม